3. การอุทธรณ์ทางสังคมและชุมชน
Pickleball เป็นสังคมโดยเนื้อแท้ โดยทั่วไปจะเล่นเป็นคู่ ทำให้มีปฏิสัมพันธ์และทำงานเป็นทีมได้ดียิ่งขึ้น สิ่งนี้แตกต่างจากเทนนิสที่การแข่งขันประเภทเดี่ยวมีการแข่งขันสูงและต้องใช้แรงกายแรงใจ และจากแบดมินตันซึ่งมักจะเล่นในบ้านในสโมสรที่กำหนด แทนที่จะเล่นในพื้นที่ชุมชนแบบเปิด
ความง่ายในการจัดตั้งสนามพิกเกิลบอลในพื้นที่สาธารณะ เช่น สวนสาธารณะ โรงเรียน และศูนย์นันทนาการ ยังส่งผลให้มีการนำไปใช้อย่างแพร่หลายอีกด้วย ผู้เล่นเพลิดเพลินไปกับความสนิทสนมกันและความครอบคลุมที่มาพร้อมกับกีฬา ซึ่งนำไปสู่ชุมชนที่เข้มแข็งและมีส่วนร่วม อดีตนักเทนนิสและแบดมินตันหลายคนสนใจสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรของพิกเกิลบอล ซึ่งพวกเขาสามารถเล่นได้ทั้งในด้านสันทนาการและการแข่งขัน
4. อุปกรณ์และความสามารถในการจ่าย
ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งที่อยู่เบื้องหลังการเปลี่ยนมาใช้ Pickleball คือความสามารถในการจ่ายของอุปกรณ์ ไม้พายพิกเกิลบอลคุณภาพดีมีราคาถูกกว่าไม้เทนนิสหรือไม้แบดมินตันระดับไฮเอนด์อย่างมาก นอกจากนี้ ลูก Pickleball ยังมีความทนทานและราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับไม้เทนนิสหรือลูกขนไก่ที่เปราะบางที่ใช้ในแบดมินตัน
นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาสนาม Pickleball ยังต่ำกว่าสนามเทนนิส ทำให้ชุมชนสามารถจัดตั้งและบำรุงรักษาสิ่งอำนวยความสะดวกได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีสนาม Pickleball สาธารณะเพิ่มมากขึ้น ผู้เล่นจำนวนมากขึ้นจึงพบว่ากีฬาดังกล่าวเข้าถึงได้ทางการเงิน
5. การเติบโตทางการแข่งขันและวิชาชีพ
ด้านความเป็นมืออาชีพของ Pickleball ได้ขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยดึงดูดผู้เล่นจากเทนนิสและแบดมินตันที่มองเห็นโอกาสในการทำงานใหม่ๆ การแข่งขันพิกเกิลบอลรายการใหญ่ๆ เสนอเงินรางวัลจำนวนมาก ข้อตกลงการสนับสนุน และฐานแฟนๆ ที่เพิ่มมากขึ้น การเพิ่มขึ้นของลีก เช่น Professional Pickleball Association (PPA) และ Major League Pickleball (MLP) กำลังเสริมความแข็งแกร่งให้กับความน่าเชื่อถือของกีฬาในฐานะการแข่งขันระดับสูง
อดีตนักเทนนิสมืออาชีพ รวมถึงดาราชื่อดังต่างลงทุนในทีมพิคเคิลบอล ซึ่งบ่งชี้ว่ากีฬาดังกล่าวมีความชอบธรรมเพิ่มมากขึ้น ขณะที่มันเติบโตอย่างต่อเนื่อง ผู้เล่นจากกีฬาแร็กเกตอื่นๆ ต่างก็สนใจอนาคตอันสดใสของมัน